วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551

ค้นหาเนื้อคู่...ใบชาแบบไหนเหมาะกับใคร

มาช่วยคู่รักเค้าตามหากันดีกว่า เพื่ออานิสงส์ผลบุญจะส่งให้สาวแซบได้พบกับเจ้าชายในฝันได้บ้างไงล่ะ

1. ชามะลิ คู่กับ สาวทำงานที่ต้องใช้สมองทั้งวัน
2. ชาอูหลง คู่กับ สาวที่รักการออกกำลังกาย หรือต้องใช้แรงงานทำให้เสียเหงื่อมาก
3. ชาเขียว คู่กับ สาวนักเดินทางที่ต้องสูดดมมลพิษทั้งวัน
4. ชาดอกไม้ คู่กับ สาวๆ ที่ทำงานเบาๆ นั่งสบายๆ ทั้งวัน

5. ชาอูหลง คู่กับ สาวช่างกินที่ชอบกินเนื้อสัตว์
6. ชาผสมน้ำผึ้ง คู่กับ สาวท้องผูกที่มีเงื่อนพิรอดในลำไส้

ตัวป่วนที่มารบกวนให้แผนไดเอทล้มเหลว



ตัวป่วนนี้จะแฝงตัวมาในลุคแอ๊บแบ๊วน่ารักจนสาวแซบตายใจ แต่วันนี้จะมากระชากหน้ากากใสซื่อของมันออกมาให้สาวแซบให้ได้รู้ว่า ศัตรูของการไดเอทของคุณน่ะหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่
1.วันหยุดพักผ่อน
วันหยุดคือเทศกาลปล่อยผีที่สาวบีซี่อย่างเรารอคอย เพราะจะได้ตื่นสายนอนดึก ตระเวนเที่ยวเปรี้ยวทุกคืนได้เต็มที่ และก็เพราะรู้สึกว่ากำลังอยู่ในช่วงพักผ่อนนี้เอง ทำให้นักไดเอทส่วนใหญ่ปล่อยวางกฎเกณฑ์ต่างๆ และกระหน่ำกินตามใจปากจนน้ำหนักขึ้นเอาๆ
How to stop ถึงจะเป็นวันหยุดก็ตามไม่ลืมระวังเรื่องน้ำหนัก ไม่ตามใจปากมากเกินไปและต้องคอยชั่งน้ำหนักเป็นประจำ จะได้รู้ว่าเข็มตาชั่งเริ่มขยับหรือยัง
2. อกหัก
ตัวป่วนตัวนี้มีผลใหญ่หลวงให้สาวๆ เสียศูนย์จนลืมแผนไดเอททุกอย่างในโลก แล้วตั้งหน้าตั้งตากินของหวานเพื่อปลอบประโลมหัวใจเหี่ยวๆ ของตนเอง โดยมีข้อแก้ตัวว่าไม่รู้จะหุ่นดีไปเพื่อใครก็ตอนนี้ไม่มีแฟนแล้วนี้
How to stop เปลี่ยนความคิดใหม่ว่า ยิ่งอกหักเราก็ยิ่งต้องทำตัวให้สวยดูดี เพื่อคนที่หักอกเราจะได้เสียดายสาวสวยคนนี้ที่เขาปล่อยหลุดมือไป
3.เพื่อนที่ทำงาน
สาวๆที่ทำงานอยู่กันกลุ่มมักจะอดไม่ได้ที่จะชวนกันไปหาของอร่อยๆ กันตอนพักกลางวัน หรือระหว่างทำงาน ก็จะมีการซื้อจนขนมนมเนย ผลไม้หมักดองมานั่งจิ้มกินไปด้วย ซึ่งถึงคุณจะพยายามไม่กินกับเค้า แต่ภาพเพื่อนสาวนั่งจิ้มมะม่วงดองกันต่อหน้าต่อตาก็ทำให้คุณอ้วนได้แล้ว เพราะผลวิจัยบอกว่าแค่เราเห็นภาพอาหาร ร่างกายก็จะมีปฎิกิริยาทำให้น้ำหนักขึ้นได้เองโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้หลังเลิกงาน เพื่อนสาวตัวดีก็มักจะชวนกันไปเที่ยวต่อ ซึ่งก็ต้องมีการตบท้ายด้วยมื้อเย็นมื้อใหญ่ ที่ทุกคนสั่งกันเต็มที่ เพราะถื่อว่ามีคนช่วยหารค่าอาหาร
How to stop ถ้าทำได้ควรจะซื้อข้าวกลางวันมาเองตั้งแต่เช้า หรือห่อข้าวมากินเอง จะได้ไม่ต้องออกไปกินกลางวันกับเพื่อนๆ แบะถ้าคุณเห็นเพื่อนกินขนมแบะอยากกินบ้าง ก็ควรจะกินเป็นผลไม้ที่ไม่ให้น้ำตาลสูง เช่น แตงโม มะละกอ ฝรั่ง กรือแอปเปิ้ลเท่านั้น อย่าตามไปจิ้มมะม่วงดองแคลอรีสูงกับกลุ่มสาวๆ เป็นอันขาด

วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2551

นี่แหละ...เลขานุการ

เลขานุการบริหาร

เป็นบุคคลสำคัญในการประสานงานระหว่างผู้ปริหารและบุคคลอื่นทั้งภายในและภายนอกองค์การ เป็นผู้ช่วยให้งานของผู้บริหารดำเนินไปโดยเร็ว ประสบผลสำเร็จตามที่มุ่งหวัง เป็นผู้สร้างสัมพันธภาพอันดีในองค์การเป็นสื่อกลางระหว่างผู้บริหารกับผู้มาติดต่อ เป็นภาพลักษณ์ขององค์การและผู้บริหารจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานด้านเลขานุการเป็นอย่างดี ทั้งงานในหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย และรู้จักใช้ดุลยพินิจพิจารณาว่างานใดควรทำงานใดไม่ควรทำ ลำดับความสำคัญของงานภายในขอบข่ายทำนาจหน้าที่ของตน โดยไม่ไปก้าวก่ายงานในหน้าที่ของผู้อื่น ในวงการอาชีพทุกวงการ เช่น นักธุรกิจ นักการเมือง แพทย์ ศิลปิน การศึกษา ตลอดจนวงการของหน่วยงานราชการ การปฏิบัติงานจะประสบความสำเร็จได้ดี จะต้องอาศัยเลขานุการด้วยกันทั้งนั้น จึงนับได้ว่าเลขานุการเป็นบุคคลที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อวงการทุกสาขาอาชีพ จึงมีผู้กล่าวว่า ถ้าเลขานุการนัดหยุดงานพร้อมกัน ธุรกิจทุกอย่างก็ต้องหยุดชะงักตามไปด้วย แต่จะต้องไม่ลืมว่า “ เลขานุการที่มีความรู้ความสามารถดีเท่านั้น ที่จะเป็นผู้ช่วยในการบริหารงานต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี การปฏิบัติงานในตำแหน่งเลขานุการ จะก้าวไปถึงตำแหน่งเลขานุการบริหารนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องที่ง่ายนัก ฉะนัน ผู้ที่ทำงานเลขานุการทุกคนจงภูมิใจ ว่าเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี จึงมีผู้กล่าวว่า
"เลขานุการบริหารที่ดีในวันนี้ คือ ผู้บริหารคนสำคัญในวันหน้านั่นเอง"

วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2551

เลขาต้องรู้

มาดต้องตา วาจาต้องใจ ภายในยอดเยี่ยม เปี่ยมใจก่อนจาก

มาดต้องตา : ใครพบเห็นเป็นที่ศรัทธา บุคลิกภาพ เช่น การไหว้ การแต่งกายได้เหมาะสม เหมาะสมกับตัวเอง ไม่เข้าข้างตัวเอง แต่งกายให้ดูดีมากกว่าดูสวย เหมาะสมกับวัย สถานที่และสถานการณ์ กาลเทศะ สถานที่ อาชีพ เพศ วัยหรือแต่งแล้วดูภูมิฐานสมตำแหน่ง ถ้ามีเงินมีตำแหน่งก็ควรแต่งให้สมฐานะ แต่งกายให้เหมาะสมกับสรีระเรา อ้วนผมดำขาว รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรก็ควรจะดูหน่วยไม่ใช่เห็นเขาแต่งก็แต่งตามเขาอย่าให้ใครเขาพูดได้ว่า “ดูซิเธออีกาคาบพริกบินผ่านไปแล้วเห็นไหม"
- ตัวอย่าง เราจะไปติดต่อสถานที่ราชการ….แต่งกายไปสมัครงาน งานชนิดใด… แต่งกายไปสอบสัมภาษณ์…อื่น ๆ การแต่งกายดีไม่จำเป็นต้องแต่งกายเสื้อผ้าราคาแพง ยี่ห้องโด่งดัง เช่นยี่ห้องเวอร์ซาเซ…แต่งกายไม่ให้ดูเวอร์… ผู้ชายแต่งกายให้เหมาะสมกับผู้ชาย ไม่สวมเครื่องประดับมากเกินไปจะดูสำรวย ผู้หญิงก็อย่าประดับเครื่องประดับให้รุงรัง ไม่ต้องอวดรวย
- นักศึกษาแต่งกายให้เหมาะสมกับนักศึกษาไม่ควรแต่งหน้าสีแดงเฉด ๆ ไม่ใส่เครื่องประดับ แต่งกายให้ถูกต้องตามระเบียบของวิทยาลัยฯ สูทที่ใส่ก็ควรติดเม็ดกระดุม ผูกเนคไทให้สวยงาม… อย่าแต่งกายตามใจตัวเองและอย่ามักง่าย
- กวีสุนทรภู่ กล่าวไว้ในสุภาษิตสอนหญิงว่า ใครเห็น ต้องนิยมชมไม่ขาด ว่าฉลาดแต่งร่าง เหมือนอย่างหงส์ถึงรูปร่างทรามสงวนนวลอนงค์ไม่รู้จักแต่งทรงก็เสียงาม

วาจาต้องใจ : พูดจาด้วยถ้อยคำที่ไพเราะอ่อนหวาน ผู้ใดฟังแล้วเกิดความประทับใจ พูดหมดธุระแล้วอยากพูดกับผู้นั้นต่ออีก คำพูดที่พูดชวนให้ติดตาม ผลการพูดที่ฟังแล้วเสนาะหู สามารถนำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติได้ นำไปเป็นมาตรฐานการพูดในสังคมได้ ตัวอย่าง วาจาต้องเช่น กวดเธอยืนแถวไม่วันนี้ กวดตอบว่า ยืนครับ นี่หมายความว่า วาจาต้องใจ ธรรมเธอยืนแถวไม่ครับ ไม่กูไม่ยืนร้อนอีตายโหง นี่วาจาไม่ต้องใจ
วาจาต้องใจอีกกรณีหนึ่ง พูดจาให้มีหางเสียง เช่น ค่ะ ครับ ขอโทษ ขอบใจ ไม่เป็นไร ไม่อะไรช่วยไม่ค่ะครับ
บางครั้งเวลาเราไปติดต่อที่ไหนบางครั้งเราไม่ประสบความสำเร็จ แต่เราพอใจ หมายความว่าผู้นั้นพูดด้วยวาจาต้องใจเรา

ภายในยอดเยี่ยม : เป็นคนมีจิตใจสมบูรณ์ เป็นคนมีคุณธรรม เป็นคนมีน้ำใจ เพราะท่านพูดอยู่เสมอว่า เงินยิ่งใช้ยิ่งหมดไป น้ำใจยิ่งใช้ยิ่งได้มา ยิ่ง ถ้าให้ก่อนเขาขอ ไม่ต้องรอให้เขาให้ ละก็ยิ่งวิเศษ มีเสน่ห์แก่ตัวเอง คนเราถึงคราวจะให้ก็ควรจะให้ก่อนที่เขาจะขอ ถ้ามัวรอให้เขาขอละก็หมดราคาหรือหมดเสน่ห์ หรือถ้าจะทำอะไรใคร ถ้าเราอยู่ในฐานะทำได้ ก็รีบทำก่อนที่เขาจะให้ไหว้วาน เพราะถ้าเขาออกปากแล้วถึงจะทำละก็เราก็จะหมดคุณค่าทันที
ยกตัวอย่างภายในเยี่ยมเยี่ยมในเรื่องน้ำใจ 2 ประเภท คือ น้ำใจในและนอกใจนอก
น้ำใจในมี 4 น้ำใจกับพ่อแม่ น้ำใจกับคู่สมรส น้ำใจกับบุตรธิดา น้ำใจกับคนร่วมชายคา
น้ำใจนอกมี 4 น้ำใจกับผู้บังคับบัญชา น้ำใจกับผู้ใต้บังคับบัญชา น้ำใจกับเพื่อนร่วมงานน้ำใจกับเพื่อนร่วมโลก
หรือ จงเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย จงเป็นคนมีน้ำใจสู้น้ำเงิน จงอย่ามองเมินข้ามตัวเรา จงอย่ามัวเมาลืมคุณคน(โบราณถือหนักถือหนาว่า คนที่เนรคุณคนจะไม่มีวันเจริญเติบโต นับแต่พ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ครูอาจารย์ผู้อบรมสั่งสอนและทุกคนที่ไม่ส่วนช่วยสนับสนุนช่วยเหลือเกื้อกูลมาแต่หนหลัง เราจะต้องรำลึกอยู่เสมอว่าเรามาอยู่ตรงนี้อย่างสุขสบายได้อย่างไรหัดมองย้อนหลังเอาอัลบั้มเก่าๆมาดูบ้างจะได้จำผู้ที่เขาเคยชุบเลี้ยงช่วย หรือหยิบยื่นให้เราอย่านึกแต่เพียงปัจจุบันให้นึกถึงอดีตด้วย

เปี่ยมใจก่อนจาก : การทำธุรการงานใดกับใครที่ไหนก็ตาม เมื่อถึงโอกาสการละจากจากสังคมต้องมีการยกมือไหว้ กล่าวคำ ขอบคุณ ขอบใจ คราวหน้าเชิญไม่นะคะ โอกาสหน้าเชิญไปเที่ยวบ้านดิฉันผมบ้างนะครับ...ทำให้เขาเกิดความกระจ่างและข้อข้องใจต่างๆ อย่าปล่อยให้เขาออกจากห้องไปด้วยความมึนงงหรือด้วยความคลุมเครือ

อุปกรณ์สำนักงานที่ OUT สำหรับงานเลขานุการ


ยุคนี้เป็นยุคที่เทคโนโลยีสารสนเทศมีการเปลี่ยนแปลงและเกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ แทบจะทุกช่วงเวลา อุปกรณ์ที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่นั้น ถ้าตอบสนองการใช้งานของเลขานุการหรืองานในสำนักงานได้ดี อุปกรณ์เหล่านั้นก็จะเข้าไปปรากฎโฉมเกือบแทบทุกสำนักงาน แต่ถ้าอุปกรณ์นั้นใช้แล้วไม่สามารถตอบสนองได้ ความเร็วในการออกไปจากตลาดก็มีเท่า ๆ กัน ทีนี้เมื่อย้อนกลับมาดูเครื่องใช้สำนักงานที่กำลังจะ out หรือบางอย่างก็ out ไปเรียบร้อยแล้ว มีดังนี้

เครื่องปรุเอกสาร (Stencil Duplicating Machine) เคยได้ยินบ้างหรือเปล่า แล้วมันใช้ทำอะไรก็เนี่ย ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในยุคของกลุ่มที่เรียนทางด้านพณิชยการ (commerce) หลังปี 2000 น่าจะพบเห็นเครื่องนี้ ยาก! บางสถานศึกษาอาจจะมีการเก็บไว้ให้ผู้เรียนได้รู้เห็นถึงวิวัฒนาการของเครื่องใช้สำนักงานในช่วงหนึ่ง ซึ่งเครื่องนี้ หากจะมีการใช้งานจริง ก็คงจะต้องเรียกหา กระดาษไขปรุ น้ำยาลบกระดาษไข เข็มที่ปรุกระดาษไข ทำให้กระดาษเป็นรอยจะได้นำไปอัดสำเนา ถ้างานออกมามีรอยไม่เรียบร้อยก็สามารถใช้น้ำยาลบกระดาษไข สีคล้ายน้ำยาทาเล็บ (สัมอมชมพู) ถ้าผู้สอนไม่บอกกล่าวล่วงหน้าก็จะใช้ผิดวัตถุประสงค์ในชั่วโมงแรก ๆ เพราะที่เรียนด้านพณิชยการส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง การใช้เมื่อปรุ (ทำให้กระดาษมีรอย) แล้วจะต้องนำกระดาษไขที่ได้มาใช้กับเครื่องอัดสำเนา ซึ่งถ้าไม่ชำนาญก็จะเปื้อนหมึกของเครื่องอัดสำเนา ทำไมเครื่องปรุเอกสารถึง out การใช้งาน กว่าจะได้กระดาษที่มีผลงานหรือภาพ ตามที่ต้องการจะต้องผ่านขั้นตอนการปรุกระดาษไขปรุก่อน แล้วนำมากระดาษไขฯ ที่ได้ใช้กับเครื่องอัดสำเนา จะพบว่า การลงทุนซื้อเครื่องใช้สำนักงาน ถึง 2 เครื่อง และค่าใช้จ่ายวัสดุที่ใช้ก็เพิ่มขึ้นตามลำดับคือ กระดาษไขปรุ น้ำยาลบไข เข็มที่ปรุ (เก่าจะไม่คมและไม่อ่านกระดาษไข) หมึกอัดสำเนา อันตรายจากสารเคมีและกลิ่นของเครื่องปรุเอกสาร ขณะใช้งานจะมีกลิ่นที่แรงมาก ถ้าใช้บ่อย ๆ ก็คงจะต้องระวังพวกสารเคมี ดังนั้น เครื่องใช้พวกนี้จะมีสถานที่แยกต่างหากซึ่งต้องระบายอากาศได้ดี
เครื่องอัดสำเนา (Duplicating Machine) ที่เรียกกันจนติดปากว่า "เครื่องโรเนียว" เป็นเครื่องที่ใช้ร่วมกับเครื่องปรุเอกสาร ถ้าไม่มีเครื่องอัดสำเนา กระดาษไขปรุก็ไม่สามารถผลิตเอกสารได้ สำหรับเครื่องอัดสำเนาจะต้องใช้กับกระดาษไขที่ทำให้เกิดรอยโดยการเขียนด้วยที่เขียนกระดาษไขหรือพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดีดธรรมดาหรือพิมพ์ดีดไฟฟ้าโดยถอดผ้าหมึกออก เพื่อให้กระดาษไขนั้นมีรอยของตัวอักษรแล้วนำมาอัดสำเนา ดังนั้น เมื่อจะผลิตเอกสารจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ เครื่องอัดสำเนาจึงเป็นเครื่องที่จำเป็น วัสดุที่ใช้ประกอบเช่น หมึกอัดสำเนา กระดาษไข น้ำยาลบกระดาษไข เครื่องเขียนกระดาษไข แผ่นรองเขียนกระดาษไข วัสดุเหล่านี้อีกไม่นานก็คงจะกลายเป็นความทรงจำในอดีต ทำไมเครื่องอัดสำเนาถึง out ต้องใช้วัสดุและเครื่องใช้สำนักงานหลายอย่างร่วมกัน การใช้งานต้องมีความระมัดระวังความสะอาด เพราะหมึกที่ใช้อาจจะเลอะและเปื้อนได้ง่าย ผลงานที่ผลิตไม่ได้มาตรฐานถ้าผู้ใช้ขาดความชำนาญ ขั้นตอนการใช้มีความยุ่งยากซับซ้อนเมื่อเทียบกับเครื่องอัดสำเนาระบบดิจิตอล
เครื่องบันทึกและถอดข้อความ (Dictating Machine) หน่วยงานราชการของไทยที่ยังนิยมใช้เครื่องใช้สำนักงานนี้อยู่ คือ งานศาล เครื่องนี้สามารถบันทึกข้อความจากการประชุมและนำเทปบันทึกนั้นมาถอดข้อความซึ่งมีปุ่มบังคับการย้อนกลับ โดยเลือกใช้มือบังคับหรือโดยการใช้เท้าบังคับ (มีแท่นบังคับด้วยเท้า) กำหนด speed ให้ใช้ความเร็วหรือช้าได้ วัสดุที่จะต้องใช้ร่วมกันคือ ม้วนเทปแบบ C-60, C-90, C-120 (นาทีของม้วนเทป) ทำไมเครื่องบันทึกและถอดข้อความถึง out ไม่สะดวกถ้านำไปใช้นอกสถานที่ (ต้องใช้ไฟฟ้า) ขนาดของเครื่องมีขนาดใหญ่ไม่สามารถพกพาได้สะดวก ระยะเวลาในการบันทึกอย่างต่อเนื่อง เพราะปัจจุบันมีเครื่องบันทึกที่สามารถตอบสนองต่อสาเหตุที่กล่าวข้างต้นได้ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็น เครื่องบันทึกเสียงแบบต่าง ๆ, โทรศัพท์บางรุ่น, เครื่องบันทึกเสียงที่ใช้ม้วนเทปขนาดเล็ก

เครื่องพิมพ์ดีดธรรมดา (Typewriter) ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ที่คงจะต้านกระแสของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ยาก ต่อไปเสียงเคาะแป้นพิมพ์ดีดก็คงจะเบาหายไปในที่สุด ทำไมเครื่องพิมพ์ดีดธรรมดาถึง out ราคาปัจจุบันไม่แตกต่างจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ดีดนั้นภาษาไทยและภาษาอังกฤษแยกเครื่องกันโดยสิ้นเชิง การแก้ไขงานทำได้ยากกว่า ไม่สามารถบันทึกเอกสารเก็บไว้ได้ต้องทำสำเนาโดยการใช้กระดาษคาร์บอนหรือนำไปถ่ายเอกสาร การใช้งานและรูปแบบของคอมพิวเตอร์สะดวกและที่ทันสมัยเมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์ดีด ยังไม่รวมถึง Notebook ที่สามารถพกพา (ขนาดและน้ำหนักลดลง) ได้สะดวก
อุปกรณ์ที่กล่าวมาข้างต้น บางอย่างก็คงกลายเป็นเครื่องใช้สำนักงานสำหรับให้ผู้เรียนได้เห็นถึงวิวัฒนาการของเครื่องใช้สำนักงานที่มีปัจจุบัน ซึ่งการประดิษฐ์เครื่องใช้สำนักงานก็คงจะต้องมองข้อบกพร่องของเครื่องนั้น ๆ แล้วนำไปพัฒนาที่จะทำอย่างไรให้มีวิธีการที่ผู้ใช้สะดวกและง่ายที่สุด อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีเครื่องใช้บางอย่างที่คงจะต้องเป็นพื้นฐานสำหรับการใช้เครื่องใช้สำนักงานชนิดอื่น ๆ หรือยังมีความจำเป็น ก็คงจะไม่มองข้ามถึงประโยชน์ใช้สอยและค่าใช้จ่ายที่จะตามมา หรือให้คำนึงถึงต้นทุนในระยะยาวที่สำนักงานจะต้องรับแบกภาระนั้น และเมื่อเครื่องใช้สำนักงานหลายอย่าง out ไปแล้ว วัสดุต่างๆ ที่ใช้ควบคู่กับเครื่องใช้เหล่านั้นก็จะค่อยๆ หายไปในที่สุดเช่นกัน การได้พบเห็นภาพผ่านตาก็คงจะเป็นร่องรอยเตือนความทรงจำในอดีตของผู้ที่เคยใช้หรือเคยได้เรียนในสถานศึกษาที่สอนพณิชยการอีกครั้ง

ทำอย่างไรให้ก้าวหน้า

การก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การทำงานได้อย่างรวดเร็วหรือไม่นั้น ปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการปฏิบัติตัวในที่ทำงานของคุณเอง
ว่าควรทำอย่างไร หรืออะไรที่ไม่ควรทำ แล้วอะไรควรหรือไม่ควรทำในที่ทำงาน ? การทำงานให้เสร็จตามกำหนด


ควร : กำหนดความรับผิดชอบของตัวเอง โดยอาจจะมีการกำหนดวันเวลาที่งานควรจะเสร็จ และต้องทำให้ได้ตามที่กำหนดไว้
ไม่ควร: ทำให้งานเพิ่มมากขึ้นโดยการผลัดวันประกันรุ่ง จนเป็นดินพอกหางหมู การแข่งขันกันในที่ทำงาน
ควร : การแข่งขันกับเพื่อนร่วมงานจะทำให้มีแรงผลักดันให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย แต่ก็ต้องทำตามความสามารถที่ตนเองควรจะทำได้

ไม่ควร : การชิงดีชิงเด่นกับเพื่อนร่วมงาน อิจฉาริษยา กลัวตนเองพ่ายแพ้ กับเพื่อนร่วมงาน

ควร : มีการผูกมิตรกับเพื่อนร่วมงาน คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อการทำงานเป็นทีมเวิร์ค หากมีปัญหาหรือข้อสงสัยควรที่จะตามเพื่อให้ได้ความกระจ่าง

ไม่ควร : นินทาเพื่อนร่วมงาน ต่อหน้าพูดอย่าง ลับหลังพูดอีกอย่าง เวลาในการปฏิบัติงาน
ควร : เข้าออกตามเวลาที่บริษัทกำหนด แต่หากมีงานด่วนหรือ ทำงานไม่เสร็จ ก็ควรจะรีบเคลียร์ให้เรียบร้อย

ไม่ควร : มาทำงานสายเป็นประจำ หรือลางานบ่อย เพราะอาจจะทำให้งานที่ทำอยู่หยุดชะงักได้
แล้วคุณละค่ะ...คิดว่าในที่ทำงานควรปฏิบัติ
ตัวอย่างไร และไม่ควรที่จะกระทำสิ่งใด เพื่อให้ได้ผลสำเร็จในหน้าที่การทำงานดังที่หวังไว้ และช่วยทำให้องค์กรประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย

วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ลักษณะของโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปมีผลกระทบต่อบทบาทหน้าที่ของเลขานุการอย่างไร

บทบาทของเลขานุการที่เปลี่ยนไป
บทบาทเก่า
-ทำงานตามนายสั่ง
-มองภาพแคบ
-ข้อมูลในการทำงานมาจากนายส่วนใหญ่
-ส่วนใหญ่ทำงานกับนายโดยตรงไม่ย้ายที่
-ปริมาณงานขึ้นกับนาย
-อาศัยตำแหน่งนายสั่งผู้อื่นได้
-การประเมินผลงานขึ้นกับนายโดยตรง

บทบาทใหม่
-ใช้วิจารณญาณของตน
-มองภาพกว้าง
-เป็นผู้จัดการข้อมูล (Information Manager)
-มีโอกาสหมุนเวียนและเข้าร่วมทีมต่าง ๆ
-ปริมาณงานขึ้นกับเป้าหมายของงาน ทีมงาน และองค์กร
-ต้องใช้มนุษย์สัมพันธ์และความสามารถของตนเอง
-การประเมินผลงานขึ้นกับทีมงานที่เกี่ยวข้อง

คุณสมบัติของเลขานุการที่นายต้องการ

1. บริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. มีความรอบรู้ทั้งในงานเลขานุการและงานที่เกี่ยวข้องและยินดีที่จะพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
Adersity Quotient = AQ ความสามารถในการเผชิญกับสถานการณ์รอบข้างและการบริหารความเครียด

4 มิติของ AQ
1. Control = การควบคุมและการตอบโต้ต่อสถานการณ์อยู่ในระดับไหน
2. Ownership = ความรับผิดชอบในการแก้สถานการณ์นั้นให้ดีขึ้นอยู่ในระดับใด
3. Reach = การเปิดโอกาสให้สถานการณ์นั้น ๆ มีผลกระทบต่องานด้านอื่น ๆ และมีชีวิตมากน้อยเพียงใด
4. Endurance = ความอดทนอดกลั้นต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีมากน้อยเพียงใด

คุณสมบัติของเลขานุการ

- มีมาตรฐานทางด้านการศึกษา (Standard of Education) วุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี มีความรู้วิชาสามัญพื้นฐานและวิชาชีพ
- มีมาตรฐานทางด้านลักษณะนิสัย ท่าทาง (Standard of Reportment) บุคลิกไม่สวยแต่ดูดี นิสัยแมททัวร์เป็นผู้ใหญ่ดี ระงับอารมณ์เป็น ท่าทางดูดีไม่ลอกแหลก
- มีมาตรฐานด้านประสิทธิภาพในการทำงาน (Standard of Efficiency) มีความรับผิดชอบสูง ผลงานดีมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลดี ไว้วางใจได้


วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เลขานุการยุคใหม่


เลขานุการมืออาชีพ หมายความว่าอย่างไร
ความหมาย จากสมาคมเลขานุการสตรีแห่งประเทศไทย เลขานุการ ความหมาย ผู้ช่วยฝ่ายบริหาร ซึ่ง เป็น คนที่
มีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับการดำเนินงานของสำนักงาน
สามารถรับผิดชอบโดยไม่ต้องมีการควบคุมอย่างใกล้ชิด
เป็นผู้มีความคิดริเริ่ม รู้จักใช้ดุลยพินิจ พิจารณาและตัดสินใจภายในขอบเขตอำนาจของตน
เป็นศูนย์กลางของการติดต่อสื่อสารในองค์กร


คุณสมบัติของเลขานุการที่เหมาะสมกับโลกปัจจุบันและอนาคต
1. มีบุคลิกดี แสดงความเป็นมืออาชีพ
2. เชื่อถือได้และมีความรับผิดชอบสูง
3. มีวิจารณญาณที่ดี คาดการณ์ไกล แก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่าง ๆ ได้
4. เป็นนักสื่อสารที่ดี
5. แสดงออกซึ่งพฤติกรรมที่เหมาะสม

คุณสมบัติของเลขานุการที่นายต้องการ
1. บริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. มีความรอบรู้ทั้งในงานเลขานุการและงานที่เกี่ยวข้องและยินดีที่จะพัฒนาอยู่ตลอดเวลา

หน้าที่ของเลขา

บทบาทหน้าที่และการสร้างภาพพจน์เลขานุการ
เลขาเหมือนมืออีกคู่หนึ่ง เหมือนเท้าอีกคู่ เหมือนหูเหมือนตาอีกคู่ของนาย
เลขากับนายเหมือนร่างกายเดียวกันนายคือส่วนศีรษะที่จะคิดวางแผนทำอะไร เลขาคือตัวที่รับไปทำให้ เสร็จ ถ้ามีศีรษะไม่มีตัวงานก็กองอยู่ตรงนั้น
ถ้าเลขาทั้งโลกนัดหยุดงานพร้อมกันงานธุรกิจทุกอย่างจะหยุดชะงักหมด
เลขานุการเปรียบเสมือนฟันเฟืองที่ช่วยให้เครื่องจักรหมุนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เลขานุการเปรียบเสมือนแขนขวาของนายจ้าง นายขาดเลขาไม่ได้แต่เลขาขาดนายได้ (ขาดชั่วคราวขาดนานก็ตกงาน)

หน้าที่ของเลขานุการ
งานประจำ (Routine Operation)
- จดและแปลชวเลขตามการสั่งงานของนาย

- ดูแลรับผิดชอบจดหมายเข้า-ออก- โทรศัพท์ติดต่องานและรับโทรศัพท์
- เขียนจดหมายโต้ตอบ พิมพ์งานต่าง ๆ ถ่ายเอกสาร อัดสำเนาได้ดี
- รวบรวมข้อมูล เขียนรายงาน สรุปงานเสนอนาย
- นัดเก็บเอกสารให้เป็นระเบียบค้นหาง่าย
- เตรียมเอกสารเกี่ยวกับการประชุม และเตรียมการประชุม ดูแลขณะประชุมและหลังประชุม
- จัดส่งจดหมาย โทรเลข โทรสาร อินเตอร์เน็ต
- บันทึกสถิติ ร่างหนังสือ วางแบบฟอร์มงานเท่าที่จำเป็นต้องใช้ในสำนักงาน


วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

**ศึลธรรม**

ศีลธรรม ซึ่งมาจาก คำว่า ศีล + ธรรม โดยทั่วไป ศีล หมายถึง การเว้นสิ่งที่ควรเว้น เช่น ศีล 5 เราตั้งใจเว้นการกระทำ 5 อย่างอันเป็นบาป ตั้งแต่การฆ่ากันปจนถึงการดื่มสุราเมรัย
ธรรม หมายถึง ประพฤติสิ่งที่ควรประพฤคิทั้งหมดตามภูมิชั้นของตนๆ ประณีตขึ้น ไปจนถึงมีชีวิตอยู่อย่างที่ความทุกข์ย่ำยีไม่ได้ คือ มีจิตใจมั่นคง บริสุทธิ์ แจ่มใส จนสามารถเอาชนะความทุกข์ในชีวิตได้โดยเด็ดขาด

จริยธรรมหมายถึง...

จริยธรรมตามความหมายทั่วไป
จริยธรรม แปลว่า ธรรมที่ควรประพฤติตามคำแปลนี้ มุ่งไปทางฝ่ายดี ที่เรียกว่า บุญ หรือ กุศลธรรม แปลตรงตัว ว่า การประพฤติธรรม หรือเดี๋ยวนี้ เราเรียกว่าการปฏิบัติธรรม หมายถึงการเว้นความชั่ว ทำความดี ทำจิตใจให้ผ่องใสนั่นเองคุณธรรม แปลว่า ธรรมที่เป็นคุณ ตรงกันข้ามกับธรรมที่เป็นโทษ ซึ่งท่านเรียกว่า บาปธรรม ที่คนทั่วไปเรียกว่าบาป ( คำว่า ธรรม เป็นธรรมกลางๆ จะมีความหมายไปทางดีหรือชั่ว ก็สุดแต่คำนำหน้า เช่น คุณธรรม หมายไปในทางที่ดี บาปธรรม หรือ อกุศลธรรม หมายไปในทางที่ชั่ว )

คุณธรรม

คุณธรรม แปลว่า ธรรมที่เป็นคุณ ตรงกันข้ามกับธรรมที่เป็นโทษ ซึ่งท่านเรียกว่า บาปธรรม ที่คนทั่วไปเรียกว่าบาป ( คำว่า ธรรม เป็นธรรมกลางๆ จะมีความหมายไปทางดีหรือชั่ว ก็สุดแต่คำนำหน้า เช่น คุณธรรม หมายไปในทางที่ดี บาปธรรม หรือ อกุศลธรรม หมายไปในทางที่ชั่ว )
คุณธรรมหลักการที่ดีมีประโยชน์เช่น
- ซื่อสัตย์
- สุจริต
- มีเมตตา
- เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
- เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเราจะวัดได้จากตรงนี้ครับ

วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

คุณธรรมพื้นฐานสี่ประการ

คุณธรรมพื้นฐานสี่ประการ
คุณธรรมเป็นเรื่องนามธรรม เป็นเรื่องของความดี ที่ยากจะให้คำจำกัดความ และมีมากมายต่างทัศนะต่างระดับ จนถึงขั้นพรหมจรรย์ อันเป็นคุณธรรมชั้นสูงของผู้ที่เป็นเทพชั้นพรหม เพื่อให้บรรลุถึงขั้นโลกุตรธรรม อย่างไรก็ตาม ขอยกคุณธรรมพื้นฐานมาเป็นตัวอย่าง ดังพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อ ๕ เมษายน ๒๕๒๕ ที่ทรงพระราชทานไว้ว่า
"ประการแรก คือ การรักษาความสัจ ความจริงใจต่อตนเอง ที่จะประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรมประการที่สอง คือ การรู้จักข่มใจตนเอง ที่จะประพฤติปฏิบัติอยู่ในความสัจความดีนั้น
ประการที่สาม คือ การอดทน อดกลั้น และอดออม ที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัจสุจริต ไม่ว่าด้วยเหตุประการใดประการที่สี่ คือการรู้จักละวางความชั่ว ความทุจริต และรู้จักสละผลประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมืองคุณธรรมสี่ประการนี้ ถ้าแต่ละคนพยายามปลูกฝังและบำรุงให้เจริญงอกงามขึ้นโดยทั่วกันแล้ว จะช่วยให้ประเทศชาติ บังเกิดความสุขร่มเย็นและมีโอกาสที่จะปรับปรุงพัฒนาให้มั่นคงก้าวหน้าต่อไปได้ดังประสงค์ "

ความหมายของจริยธรรม

ความหมายของ จริยธรรมจริยธรรม หมายถึง ข้อที่ควรประพฤติปฏิบัติ เป็นธรรมะทางใจที่ควบคุมพฤติกรรม ความประพฤติที่ดีที่ชอบที่ถูกที่ควร เป็นเรื่องของความรู้สึกในการพัฒนาตนเอง ที่มุ่งหมายให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ดำรงชีวิตอยู่อย่างบริบูรณ์เปี่ยมไปด้วยความดีทั้งกายวาจาและใจจริยะหรือ จริยา คือ ความประพฤติ การกระทำ เมื่อสมาสกับคำว่า ธรรม หรือ ธรรมะ จึงเป็นความประพฤติที่ถูกต้องตามครรลองครองธรรม ชอบธรรม เป็นธรรมชาติจริยธรรมเป็นเรื่องสำคัญในการทำงาน ควบคู่กับ วินัย อันเป็นข้อห้ามหรือข้อบังคับให้ต้องปฏิบัติ สำหรับข้าราชการก็ให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการดังนั้น จริยธรรม จึงเป็นความประพฤติ การกระทำและความคิดที่ถูกต้องดีงาม รวมถึงการทำหน้าที่ของตนให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เว้นในสิ่งที่ควรละเว้น ประกอบการและดำรงชีวิตอย่างฉลาด ด้วยสติและปัญญา รู้เหตุรู้ผลรู้กาลเทศะ กระทำทุกอย่างด้วยความรอบคอบ เสียสละอุทิศตน มุ่งมั่นและบากบั่นจริยธรรมจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นยิ่งสำหรับทุกคน ทุกหมู่เหล่าและทุกอาชีพ สังคมจะอยู่รอดและเป็นสุขได้ ก็ด้วยจริยธรรม
• ถึงสูงศักดิ์ อัครฐาน สักปานใด
• ถึงวิไล เลิศฟ้า สง่าศรี
• ถึงฉลาด กาจกล้า ปัญญาดี
• ถ้าไม่มี คุณธรรม ก็ต่ำคน

ความสำคัญของจริยธรรม จริยธรรม จึงเป็น…เครื่องมือยุทธศาสตร์ของชาติ และ สังคมเครื่องชี้วัดความเจริญความเสื่อมของสังคมหัวใจของการพัฒนาที่ยั่งยืน การพัฒนาที่เหนือกว่าความเจริญทางวัตถุรากฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข การยอมรับนับถือซึ่งกันและกันของทุกคนและทุกกลุ่มในสังคมรากฐานของความเข้มแข็งของชาติ กองทัพ และกลุ่มอาชีพเรื่องของการพัฒนาคุณภาพชีวิต ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเป็นอำนาจกำลังรบที่ไม่มีตัวตน และเป็นตัวคูณอำนาจกำลังรบ

ความหมายและความสำคัญของจรรยาบรรณ

ความหมายของจรรยาบรรณจรรยาบรรณ หมายถึง ประมวลความประพฤติ ที่ผู้ประกอบอาชีพการงาน แต่ละอาชีพกำหนดขึ้น เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณชื่อเสียงและฐานะของสมาชิก อาจเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ก็ได้จรรยาบรรณ หมายถึง จริยธรรมของกลุ่มชนผู้ร่วมอาชีพร่วมอุดมการณ์ เป็นหลักประพฤติ หลักจริยธรรม มารยาท ที่ทุกคนเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ควรจะร่วมกันรักษาไว้เพื่อธำรงเกียรติและศรัทธาจากประชาชน ละเมียดละไมกว่ากฎระเบียบ ลึกซึ้งกว่าวินัย สูงค่าเทียบเท่าอุดมการณ์จรรยาบรรณ เป็นสายใยของกลุ่มชนที่ร่วมอาชีพ ร่วมอุดมการณ์ เป็นระบบเกียรติศักดิ์ที่ใช้ดูแลและปกครองกันเอง เพื่อดำรงความเชื่อถือ และเกียรติคุณแห่งอาชีพ ให้เป็นที่ศรัทธาของสาธารณชนความสำคัญของจรรยาบรรณมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ที่ปรารถนาความยอมรับในสังคมนั้น เพื่อให้สามารถอาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข จึงต้องมีกฎ กติกามารยาทของการอยู่ร่วมกัน ในสังคมที่เจริญแล้วเขาจะไม่มองแต่ความเจริญทางวัตถุ เช่น ตึกรามถนนหนทางเท่านั้น แต่เขาจะมองความเจริญทางด้านจิตใจด้วย ในชุมชนที่เข้มแข็ง กลุ่มอาชีพต่าง ๆ จะมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนทั้งความรู้ความสามารถและพันธกรณีที่มีต่อชุมชนกลุ่มอาชีพ จึงมีความหมายมากกว่าการรวมกลุ่มกันของผู้หาเลี้ยงชีวิตในวิถีทางเดียวกัน มีความหมายไปถึงการเป็นสถาบันของมืออาชีพที่ผูกพันอยู่กับสังคม เพื่อดำรงรักษาเกียรติและความยอมรับ กลุ่มอาชีพต้องพัฒนากลุ่มของตน ด้วยการยกฐานะและรักษาระดับมาตรฐานอาชีพของพวกตนอย่างต่อเนื่องฐานะแห่งอาชีพนั้นขึ้นอยู่กับ ความประพฤติ จริยธรรม และจรรยาบรรณ ของแต่ละคนในกลุ่มอาชีพ แต่ความเป็นมืออาชีพก็ไม่อาจประเมินค่าตนหรือประเมินค่ากันเองได้ ขึ้นอยู่กับความยอมรับนับถือของสังคมอาชีพทหารถือกำเนิดขึ้นมานานแล้วควบคู่กับสังคม ประวัติศาสตร์สงครามกว่า ๕,๐๐๐ ปี คือประจักษ์พยานของการคงอยู่ของอาชีพทหาร จุดมุ่งหมายสูงสุดของทหารอาชีพคือการสร้างความมั่นคงของชาติ สร้างความแข็งแกร่งของตนเองให้เป็นหลักประกันแห่งสันติภาพ ปกป้องชีวิตและทรัพย์สินให้สังคมดำรงอยู่อย่างสันติสุข มิใช่มุ่งแต่จะทำสงครามหัวหน้าของกลุ่มอาชีพทหารแต่โบราณมาก็คือกษัตริย์ ซึ่งก็เป็นผู้นำชาติผู้นำสังคมด้วยในเวลาเดียวกัน ทหารจึงได้รับเกียรติอันสูงส่ง ว่าเป็นอาชีพที่เสียสละ อุทิศได้แม้กระทั่งชีวิตเพื่อรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติประเทศจรรยาบรรณ เปรียบเสมือนหยาดหยดน้ำที่หล่อเลี้ยงเมล็ดพันธุ์ไม้แห่งศรัทธาให้งอกงามในความรู้สึกของปวงชน

วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2551

จรรยาบรรณของเลขานุการ

บทบาทหน้าที่ของเลขานุการ
บทบาทหน้าที่ หมายถึง การแสดงออกอย่างใดอย่างหนึ่งของบุคคลตามลักษณะของงานที่ปฏิบัติหรือได้รับมอบหมาย ดังนั้นบทบาทและหน้าที่จึงเป็นของคู่กัน กล่าวคือ การปฏิบัติหน้าที่ทำให้เกิดบทบาทของบุคคล หรือบทบาทของบุคคลก่อให้เกิดการปฏิบัติหน้าที่นั่นเอง
สรุปได้ว่า บทบาทหน้าที่ของเลขานุการคือ ผู้แบ่งเบาภาระงานของผู้บริหารนั่นเอง
หรืออาจกล่าวได้ว่า “เลขานุการจะต้องเป็นผู้มีความรู้รอบตัว” (Jill-of-all Trades) กล่าวคือ เลขานุการจะต้องมีความรู้ความสามารถในทุก ๆ ด้าน และสามารถแสดงบทบาทตามสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม
บทบาทหน้าที่ของเลขาจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ
· นโยบายของหน่วยงาน
· ขนาดและลักษณะของหน่วยงาน
· ฐานะหรือตำแหน่งของผู้บริหาร
· ความไว้วางใจของผู้บริหาร
· ความรู้ความสามารถของเลขานุการ